เคล็ดลับใช้เกียร์ออโต้ลงเขาให้ปลอดภัย ไม่เบรกเเตก เว็บไซต์ คาร์เซอร์วิส บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินจะพามาดูการขับเกียร์ออโต้กัน
เกียร์ออโต้ หรือเกียร์อัตโนมัติ ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เป็นเกียร์ประเภทที่ขับง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นหัดขับรถใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์มือสอง รถยนต์ป้ายเเดง เกียร์ออโต้ก็มาเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกซื้อ เเต่เกียร์อัตโนมัติ หากรู้จักเเค่เกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง อย่างเดียว อาจจะทำให้การเดินทางของเรามีปัญหาได้ เมื่อต้องขับขึ้นเขา
ยิ่งในช่วงที่เข้าสู่ฤดูฝนแบบนี้ หลายๆ คนที่วางเเผนไปท่องเที่ยวรับธรรมชาติอันเขียวขจี ต้องระวังให้ดี เพราะเป็นฤดูที่มีคนใช้ บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน อยู่บ่อยๆ เนื่องจากอุบัติเหตุเกิดง่ายเมื่อถนนเปียก หรือสภาพของรถที่ไม่พร้อม เมื่อเจอกับพื้นถนนที่เปียกทำให้คุมรถไม่อยู่ หากเคสรุนเเรงที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น คือเบรกเเตกนั่นเอง
อันดับเเรกเราต้องทำความเข้าใจกับการเกิดอุบัติเหตุจากเบรกเเตกกันก่อน ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นเป็นเพราะว่าหากถนนเป็นทางชันมากเท่าไหร่ ตัวรถก็จะไหลเร็วมากขึ้นเท่านั้น หากเป็นผู้ขับขี่ที่ไม่มีความชำนาญในการเปลี่ยนเกียร์ หรือพื้นที่ก็จะใช้เบรกมากขึ้น
เมื่อผ้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสมสูงขึ้นเรื่อยๆ เเละในที่สุดเมื่อความร้อนสูงเกินกว่าระดับที่ผ้าเบรกจะรับไหว ก็จะทำให้เบรกไม่อยู่ หรือเรียกเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ว่า เบรกแตก เบรกจม นั่นเอง
เคล็ดลับใช้เกียร์ออโต้ลงเขาให้ปลอดภัย ไม่เบรกเเตก
สิ่งสำคัญหากต้องขับรถลงเขาที่มีความชันสูง การเลือกตำเเหน่งเกียร์เป็นเรื่องสำคัญ ในการช่วยสร้างเเรงเบรกจากเครื่องยนต์ ให้ลดภาระการทำงานเวลาเราเเตะเบรก ไม่ให้เบรกร้อนจนเกินไป
รถเกียร์ธรรมดา: ให้ใช้ตำแหน่งเกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 ขึ้นอยู่กับความเร็วของตัวรถในขณะนั้น
รถเกียร์อัตโนมัติ: ให้ใช้ตำแหน่งเกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ L หรือเกียร์ 2 ขึ้นอยู่กับความเร็วของตัวรถ รถบางรุ่นที่มีตำแหน่ง + และ – ให้ผลักคันเกียร์ไปยังตำแหน่งลบ เพื่อประคองเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ
รถไฮบริด: ใช้ตำแหน่งเกียร์ B
เวลาที่ใช้เกียร์ต่ำ จะสังเกตได้ว่า รอบเครื่องยนต์จะสูงกว่าปกติ เป็นเรื่องปกติในการสร้างเอนจิ้นเบรก โดยข้อควรระวังสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ ห้ามใส่เกียร์ N หรือเกียร์ว่างโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถไม่มีแรงหน่วงจากเครื่องยนต์เลย ส่งผลให้รถไหลลงเนินด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุนั่นเอง
